Mon. Dec 2nd, 2024

ระดมมันสมองคนเศรษฐกิจ ชู4นโยบายใหญ่ฝ่าศึกเลือกตั้ง

ทุกวันนี้ พรรคการเมืองเร่งสร้างคะแนนเสียงกันเต็มที่ เช่นเดียวกับ “พรรคเพื่อไทย” ที่ล่าสุดได้เปิดตัว“คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ” โดยมี นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริยเดช เป็นประธาน และมีที่ปรึกษาสำคัญ ทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร และมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นรองประธานกรรมการ

“นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริยเดช” ประธานคณะกรรมการนโยบายและประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย บอกว่า การวางตัวของไทยบนเวทีโลกถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เช่นตอนนี้เราเป็นมิตรกับทั้งยูเครนและรัสเซีย ขณะเดียวกันเราก็เป็นมิตรกับสหรัฐและจีน ดังนั้นต้องอาศัยประโยชน์จากเรื่องนี้เพื่อสร้างรายได้ วิธีคิดไม่ใช่แค่คิดในกรอบเพราะเม็ดเงินต่าง ๆ มาจากการมีพันธมิตรที่ดี เพราะสันติภาพเป็นต้นทุนของเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกันการฟื้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ โดยพรรคเราเป็นพรรคเดียวที่พูดเรื่องการสร้างรายได้ ขณะที่พรรคอื่น ๆ พูดเรื่องการจ่ายแจกอย่างเดียว ซึ่งเวลานี้รัฐจัดเก็บรายได้ได้ต่ำว่าเป้ายิ่งจะทำให้ติดอยู่ในวงจรแห่งความที่เป็นหนี้อยู่แบบนี้ แต่พรรคเราจะเป็นพรรคที่สกัดแก้หนี้ โดยหลักการบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทยคือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส ตั้งเป้าเพิ่มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี พรรคเพื่อไทยเน้นนโยบายด้านเศรษฐกิจ 4 ด้าน

นโยบายส่งเสริมการลงทุนพรรคเพื่อไทยมองว่าการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน จึงมีนโยบายสร้างประเทศด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลผ่านเขตธุรกิจใหม่ ด้วยการดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่ นำร่อง 4 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา (อ.หาดใหญ่) ทำลายกำแพงของกฎหมายที่เป็นอุปสรรคขอบการค้า โดยจะนำกฎหมายการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอมาปรับแก้ใหม่เป็น “บีโอไอพลัส” เพราะบีโอไอมีการบริการแบบวันสต็อปเซอร์วิสอยู่แล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ง่ายขึ้นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

สาเหตุที่เลือก 4 จังหวัดนี้ เพราะเป็นเมืองที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน สนามบิน ถนน เนื่องจากเป็นเรื่องของการลงทุนด้านนวัตกรรมหรืออินโนเวชั่น และเป็นพื้นที่ให้บริษัทสตาร์ทอัพหรือเอสเอ็มอี ได้มาเจอกัน และยังเป็นการดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มเที่ยวไปทำงานไปเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวด้วย เพราะสิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตต้องมองไปที่เศรษฐกิจดิจิทัล เพราะวันนี้เศรษฐกิจดิจิทัลทำให้เศรษฐกิจประเทศโตเท่ากับ 2.5 ของเศรษฐกิจปกติ หากไทยไม่จองตัวเองไปอยู่ตรงนั้นไทยจะตกรุ่น และกลายเป็นไม่มีทักษะกันไปหมด

เช่นเดียวกับเรื่องของการท่องเที่ยว ที่ถือว่าเป็นประตูรับเงินจากต่างประเทศและกระจายเงินได้เร็วที่สุด ปี 65 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย 11 กว่าล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 7 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่ากลับมาเร็วเกินคาด โดยตั้งเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยให้ได้ 60 ล้านคน สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท หรือรายได้เพิ่มขึ้น 50% จากปี 62 ที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท โดยการเจรจายกเลิกกับประเทศที่มีโอกาสเข้ามาได้มาก (ประเทศที่เป็นไปได้) แบบวิธี “เธอเข้าฉันได้ ฉันเข้าเธอได้” เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องเสียเวลารอตรวจวีซ่านานหลายชั่วโมงคำพูดจาก สล็อต เว็บตรง

แม้แต่เรื่องของเกษตรกรที่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ก็วางเป้าหมายเพิ่มรายได้เกษตรกรเป็น 3 เท่าภายใน 4 ปีที่ได้เป็นรัฐบาล หรือภายในปี 70 จากรายได้เฉลี่ย 10,000 บาท ต่อไร่ต่อปี เพิ่มเป็น 30,000 บาท ต่อไร่ต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 2 เท่าของจีดีพีคิดเป็นมูลค่ากว่า 2.8 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 16% เพราะเกษตรกรเป็นคนที่ต้องใช้เงินเร็ว เมื่อใช้เงินเสร็จก็ทำให้คนขายของขายได้ เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น รัฐจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นเกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้กาคเกษตรมีสัดส่วน 8% ของจีดีพี หรือ 1.4 ล้านล้านบาท ใช้ประชากรถึง 40% และใช้พื้นที่กว่า 43% และรัฐบาลยังต้องเพิ่มเงินสนับสนุนปีละ 150,000-200,000 ล้านบาท แต่เกษตรกรยังก็เป็นหนี้เฉลี่ย 260,000 บาทต่อครัวเรือน

สะท้อนว่าใส่อะไรลงไปไหลออกหมด วันนี้เกษตรกรผลิตตามสิ่งที่ตัวเองอยากผลิต เมื่อขายไม่ได้ก็เจ๊ง จึงต้องแปลงเป็นตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ โดยปรับปรุงเรื่องการผลิตหาโดยรัฐบาลจะต้องตลาดให้ และผลิตในสิ่งที่ตลาดต้องการ ปรับวิธีคิดเชิงธุรกิจ นำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการเกษตร เช่น เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ มาช่วยในการเกษตร การปรับปรุงหน้าดิน และใช้ปุ๋ยเท่าที่จำเป็น เพื่อเกษตรกรจะมีรายได้มากขึ้น แต่เหนื่อยน้อยลง ใช้การตลาดนำการผลิต ไม่ทำการเกษตรแบบไร้เป้าหมาย

ขณะที่นโยบายด้านปศุสัตว์ที่จะหาตลาดโคเนื้อคุณภาพให้กับเกษตรกรโดยจากการสำรวจพบว่าในหลายประเทศมีความต้องการเนื้อคุณภาพดีจำนวนมาก ปัจจุบันคนไทยเลี้ยงวัวอยู่แล้ว 1.9 ล้านครัวเรือน ซึ่งวันนี้เลี้ยงเป็นกระปุกออมสิน เลี้ยงตามมมีตามเกิด ถ้าหากว่าเรามีตลาดใหญ่ ศักยภาพเราสามารถทำโคขุนได้ ก็จะสามารถเพิ่มรายได้ให้กับภาคการเกษตรได้เป็นอย่างมาก

สุดท้าย…เรื่องของซอฟต์พาวเวอร์ ก็มีความสำคัญไม่น้อย โดยต้องดึงศักยภาพของอย่างน้อย 1 คนในทุกครอบครัว ให้ได้รับโอกาสในการอบรมฝึกทักษะสร้างสรรค์ในสิ่งที่มีความถนัดให้ดีขึ้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด จนถึงระดับประเทศ ในสถาบันอาชีวะทั้งรัฐและเอกชนกว่า 800 แห่ง เมื่อเห็นศักยภาพที่เด่นชัดจะได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาไปฝึกอบรมทักษะระดับโลกต่อในต่างประเทศ  ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสร้างงาน 20 ล้านงาน สร้างรายได้เฉลี่ย 200,000 บาทต่อครัวเรือน.

By admin

Related Post