หลังจากก่อนหน้านี้ได้เคยมานั่งตำแหน่งผู้อำนวยการเทคนิคชั่วคราว แต่ถึงเวลานี้ มาซาทาดะ อิชิอิ ได้รับบทบาทเป็นกุนซือทีมชาติไทย แบบเต็มตัวแล้ว ย้อนไปดูเส้นทางกว่าจะทำหน้าที่ผู้จัดการ “ช้างศึก” ของนายใหญ่จากแดนอาทิตย์อุทัย
ย้อนไปในสมัยเป็นนักเตะมาซาทาดะ อิชิอิ เล่นในตำแหน่งกองกลางและกองหลัง เริ่มเล่นอาชีพกับสโมสรฟุตบอลเจแปน ซอคเกอร์ลีก เอ็นทีทีคันโต ในปี 1989 จากนั้นในปี 1991 ย้ายไปที่ซูมิโตโม เมทัล (ปัจจุบัน คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ) และปีถัดมา 1992 อิชิอิ พาทีมจบอันดับที่ 2 ของเจลีกและคว้ารองแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระจักรพรรดิ (เอ็มเพอเรอร์ คัพ) จากนั้นในปี 1998 ย้ายไปเล่นที่ อวิสปา ฟูกูโอกะ และแขวนสตั๊ดหลังจากจบฤดูกาลนี้
ในฐานะกุนซือ อิชิอิ ประสบความสำเร็จมาอย่างมากมาย โดยผลงานที่โดดเด่น คือการพาสโมสรคาชิม่า แอนท์เลอร์ส ที่คุมทีมแรกตั้งแต่ปี 1999 (เริ่มจากเป็นโค้ชกายภาพ-ผู้จัดการทีม) ก่อนประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ลูวาน คัพ 2015, แชมป์เจ ลีก 2016, แชมป์เอ็มเพอเรอร์ส คัพ 2016, แชมป์ซูเปอร์คัพ 2017 และเคยพาทีมคว้ารองแชมป์สโมสรโลกมาแล้วในปี 2016 หลังแพ้ เรอัล มาดริด ยอดทีมจากลาลี กา สเปน ในรอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์ 2-4 รวมถึง เคยคว้ารางวัลกุนซือยอดเยี่ยมเจลีกแห่งปี 2016 มาแล้ว หลังจากนั้นย้ายไปคุม โอมิยะ อาร์ดิจา ในปี 2017-2018
ส่วนการคุมทีมในลีกไทย อิชิอิ เข้ามาคุมทีมสมุทรปราการ ซิตี้ เป็นทีมแรกเมื่อปี 2019 จากนั้นย้ายมาคุมทัพบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปี 2021 ก่อนสร้างประวัติศาสตร์ เป็นเฮดโค้ชคนแรกพา "ปราสาทสายฟ้า" คว้าทริปเปิลแชมป์ (ไทยลีก, ช้าง เอฟเอ คัพ ,รีโว่ คัพ) 2 ฤดูกาลติดต่อกัน คือ 2021-2022 และ 2022-2023 จากนั้นในฤดูกาล 2023-2024 อิชิอิ ถูกบุรีรัมย์ ดันขึ้นไปนั่งตำแหน่งประธานเทคนิค และให้ อาเธอร์ ปาปาส มาคุมทัพ และถูกโยกมาช่วยทีมชาติไทยในตำแหน่งผู้อำนวยการเทคนิค เมื่อเดือนสิงหาคม ก่อนสุดท้ายจะเกิดปัญหาทำให้ อิชิอิ ขอโบกมือลาประเทศไทยไปแบบเงียบๆ ก่อนที่จะถูกทาบทามให้กับมารับตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทย ที่เป็นความท้าทายของเจ้าตัวที่อยากทำในเส้นทางการเป็นโค้ช
สำหรับ มาซาทาดะ อิชิอิ กลายเป็นเฮดโค้ชต่างชาติคนที่ 12 ที่ได้คุมทัพ "ทีมชาติไทย" สำหรัล กุนซือชาวญี่ปุ่น ด้วยการเตรียมสานงานต่อจาก และเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเอเชียคนที่ 2 ต่อจาก อากิระ นิชิโนะ โค้ชเพื่อร่วมชาติ