ในที่สุดเราก็เดินทางกันมาถึงช่วงสิ้นปีกันแล้ว ก่อนอื่นต้องบอกว่าตลาดการลงทุนทองคำปีนี้ โดยเฉพาะช่วงต้นปีโดยรวมแล้วก็มีแรงหนุนจากหลายๆ ปัจจัย ที่ทำให้ตลาดมีความผันผวนสูงมาก ทั้งเรื่องดอกเบี้ย เงินเฟ้อ สงคราม การเมือง เศรษฐกิจ แต่อาจจะดูซบเซาลงหน่อยในช่วงปลายปี นักลงทุนหลายๆ ท่านอาจจะมีติดดอยกันไว้ตั้งแต่ต้นปี จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถลงจากดอยได้
วันนี้ “เดลินิวส์ออนไลน์” จึงอยากพาเพื่อนๆ ทั้งนักลงทุน และผู้ที่ชื่นชอบซื้อ-ขายทองคำมารู้จักกับ ทฤษฎี “Christmas Effect” ซึ่งอาจจะเป็นของขวัญส่งท้ายปีจากลุงซานต้าที่ทำให้เพื่อนๆ สามารถลงจากดอยกันได้ ก็ตามชื่อเลยช่วงคริสต์มาส จากสถิติสินทรัพย์ต่างๆ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น เราลองมาดูในตลาดทองคำกันว่าจะเป็นอย่างไรบ้างในช่วงเทศกาลคริสต์มาสคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
โดยสถิติย้อนหลัง 10 ปี ของราคาทองคำในช่วงสิ้นปีมาเปรียบเทียบว่า “ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปี ตั้งแต่ช่วงวันที่ 20-31 ธันวาคมนั้น ทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นหรือไม่” ซึ่งผลปรากฏออกมาว่า ตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปี 2021 มากถึง 8 ใน 10 ปี ที่ทองปรับตัวขึ้น และขึ้นโดยเฉลี่ยในช่วงวันที่ 20-31 อยู่ที่ 1.35% เลยทีเดียว ซึ่งหากตามสถิติที่กล่าวมา ช่วงที่น่าเข้าซื้อสะสมทองคำมากที่สุดก็คือตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาเป็นต้นไป เพราะมีโอกาสที่เราอาจจะได้ราคาที่อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น ไปจนถึงกลางถึงปลายเดือนมกราคมเลยทีเดียวคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
โดยสาเหตุที่ทำให้เกิด Christmas Effect ในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมานั้นแบ่งออกได้หลักๆ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
- เนื่องจากเป็นช่วงปลายปีโดยส่วนมากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ หรือนโยบายการเงิน ก็มักจะสรุปเสร็จกันหมดตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมแล้ว เลยทำให้ช่วงปลายเดือนเป็นช่วงที่ตลาดมีความชัดเจนระดับนึง จึงมีส่วนทำให้มีโอกาสที่จะเกิดเทรนด์ฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้ไม่ยาก
- ช่วงก่อนจบปีเป็นช่วงที่กองทุนรายกองทยอยปิดงบ จึงทำให้ Volumn ในตลาดก่อนหยุดยาวค่อนข้างน้อย ระหว่างนี้หากมี Volumn ฝั่งไหนโหมมาสักฝั่งนึงก็เกิดเทรนด์ได้ไม่ยากเช่นกัน
- การเก็งกำไรของคนในช่วงเดือนมกราคม จากข้อ 1 หากข่าวต่างๆออกมาครบแล้ว นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรบางกลุ่มก็มักจะหาจุดเข้าซื้อช่วงปลายปี เพื่อหวัง January effect (ราคาดีดตัวขึ้นในช่วงเดือนมกราคม) เพราะช่วงปลายปีราคาจะค่อนข้างสงบเสงี่ยม หรือถ้าโชคดีได้เทรนด์จริงต้นทุนก็อาจจะดีกว่าไปซื้อในช่วงต้นถึงกลางเดือนมกราคมนั่นเอง
โดยเฉพาะในปีนี้ก็ยิ่งมีปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมให้ Christmas Effect มีโอกาสเกิดได้มากขึ้นเข้าไปอีก เพราะ…
- กราฟเทคนิคในภาพใหญ่รายเดือนยังคงเป็นสัญญาณเชิงบวกอยู่ นั่นหมายความว่าเดือนธันวาคมการที่จะเจอกับขาลงใหญ่ๆของราคาทองคำอาจเป็นไปได้ยากแล้ว อย่างมากก็อาจจะแค่พักตัวกรอบแคบ แล้วรอเลือกทางอีกทีในเดือนมกราคม
- ปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างเฉลยมาพอสมควรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรอบของดอกเบี้ยปี 2023 ที่จะคงระดับอยู่ที่ 5.00-5.50% พร้อมกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2023 ที่หลายสำนักหรือแม้แต่การคาดการณ์ของตัวเฟดเอง ก็มีประเมินไว้อยู่เช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ในกรณีที่ราคาทองได้รับข่าวพวกนี้ในเดือนธันวาคมมาหมดแล้ว เราอาจจะได้เห็นการปรับตัวขึ้นต่อได้ในต้นปีหน้า
สำหรับแผนกลยุทธ์ประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนว่ากันด้วยเรื่องกรอบของราคาทองคำที่เหมือนจะทำกรอบอยู่บริเวณ 1,775-1,800 หรือถ้าเป็นราคาไทยก็อยู่ที่บริเวณ 29,350-29,600 ต่อบาททอง
หากมองว่าทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ บริเวณ 29,350-29,500 ก็สามารถทยอยเก็บสะสมได้ ส่วนจุดทำกำไรนั้นมีระยะสั้นที่ 1,820 (29,800) และระยะกลางมองไว้บริเวณ 1,875-1,900 (30,350-30,600) และเมื่อไหร่ก็ตามที่ราคาทองคำสามารถกลับมายืนเหนือ 1,800 หรือ 29,600 ได้ ก็สามารถเข้าซื้อตามได้เลย..
ขอบคุณข้อมูล : บริษัท อินเตอร์โกลด์