ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่โหมด “เลือกตั้ง” อย่างจริงจัง บรรดาพรรคการเมืองต่างลงพื้นที่หาเสียงโดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งคะแนนเสียงสำคัญ ควบคู่ไปกับการขายนโยบายหาเสียง เพื่อหวังมัดใจคนไทยให้เข้ามาเทคะแนนเสียงแบบหมดใจ สารพัดสารเพนโยบายเพื่อดูแล เพื่อเอาใจผู้มีรายได้น้อย ต่างนำเสนอกันออกมาแบบชนิดที่เรียกว่า ต้องเทใจให้ทันที!!
หากเป็นช่วงที่เศรษฐกิจยังดี ยังเติบโตได้ตามศักยภาพของประเทศ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ในเวลานี้เศรษฐกิจไทยยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย จึงทำให้นักวิชาการหลายสำนักออกมาแตะเบรก อย่าง “สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย” หรือทีดีอาร์ไอ เองได้ออกมาชำแหละนโยบายหาเสียงจาก 9 พรรคการเมือง รวม 86 นโยบาย ที่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มกว่า 3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่าตัว จากงบประมาณปี 66 กันทีเดียว และยังอาจสร้างวิกฤติทางการคลังในอนาคตได้
ล่าสุดคำพูดจาก ฟรี เกมสล็อตทดลองเล่น!! ทีมวิจัยจากทีดีอาร์ไอ ยังออกมานำเสนอข้อสังเกตต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคการเมืองใน 4 ด้าน ด้วยกัน ทั้งด้านนโยบายคมนาคมและขนส่ง, นโยบายด้านเกษตร, นโยบายด้านแรงงาน และนโยบายสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอี
ข้อเสนอของทีมวิจัยฯ ระบุว่า ส่วนใหญ่เป็นนโยบายกว้าง ๆ ขาดรายละเอียดสำคัญซึ่งนโยบายที่นำเสนอมากที่สุด เช่น สร้างมอเตอร์เวย์ ระบบรางทั่วประเทศ ค่าโดยสารร่วมของระบบรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล การสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งการลดค่าโดยสารระบบราง อาจไม่สามารถทำได้มากเหมือนที่เสนอ เพราะต้องใช้งบประมาณมาก
ซึ่งเห็นว่า พรรคการเมืองควรพิจารณาระบบขนส่งมวลชนอื่นประกอบด้วย โดยเฉพาะรถเมล์ที่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงที่สุด การปรับปรุงรถเมล์ให้ครอบคลุมขึ้น ทั้งการกำหนดเส้นทางและจำนวนเที่ยวที่ให้บริการ และให้เงินอุดหนุนบริการรถเมล์ที่ชัดเจน เป็นต้น และควรให้ความสำคัญกับระบบขนส่งสาธารณะในต่างจังหวัดด้วยเช่นกัน ขณะที่นโยบายก่อสร้างมอเตอร์เวย์ หรือระบบรางเพิ่มเติม ควรปรับปรุงนโยบายไม่ให้เกิดการทับซ้อนกันของมอเตอร์เวย์และระบบราง เพื่อไม่ให้แข่งขันกันเอง หรือกระจุกตัวเฉพาะบางพื้นที่
ส่วนหนึ่งของข้อเสนอของทีดีอาร์ไอ เห็นว่า นโยบายด้านการเกษตรของพรรคการเมืองครอบคลุม 5 เรื่องใหญ่ ได้แก่ การประกันรายได้ การอุดหนุนชาวนาและชาวประมง การถือครองที่ดินและสิทธิทำกินบนที่ดินของ ใช้เทคโนโลยีการเกษตร นโยบายด้านสินเชื่อ และการพักชำระหนี้ และการจัดการน้ำ ภาพรวม แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้มุ่งแก้ปัญหาหลักของภาคเกษตรไทย
ทีดีอาร์ไอ เสนอว่า พรรคการเมืองควรหันมาให้ความสนใจมากขึ้นในการคิดค้นนโยบายช่วยเหลือให้เกษตรกรเพิ่มผลิตภาพและมูลค่าเพิ่มในการผลิต และลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระยะยาว คิดค้นนวัตกรรมแก้ปัญหาความขัดแย้งในที่ดินทำกินกับรัฐ การขยายสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดิน แก้กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค สนับสนุนให้เกษตรกรยากจนเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่น ปรับโครงสร้างหนี้และให้สินเชื่อที่สอดคล้องกับศักยภาพและกระแสรายได้ของเกษตรกร รวมทั้งการปรับปรุงเงื่อนไขสัญญากู้ยืมให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของเกษตรกร เป็นต้น
นโยบายด้านแรงงานของพรรคการเมืองส่วนใหญ่เน้นเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำซึ่งแข่งขันกันนำเสนอ แต่ยังไม่มีนโยบายชัดเจนที่มุ่งเน้นแก้ปัญหาสำคัญของตลาดแรงงานไทยคือ การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ซึ่งหมายถึงความสามารถของคนงานในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ แม้แต่พรรคการเมืองที่เสนอเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำก็ไม่ได้เสนอหลักคิดที่เชื่อมโยงค่าจ้างขั้นต่ำเข้ากับผลิตภาพแรงงาน ซึ่งพรรคการเมืองควรนำเสนอนโยบายที่กำหนดระดับค่าจ้างขั้นต่ำเป้าหมายที่เหมาะสม ที่ทำให้แรงงานมีรายได้สูงขึ้นคำพูดจาก ทดลองสล็อต pg
ขณะที่ นายจ้างยังทำธุรกิจได้ กำหนดเวลาปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำไปสู่เป้าหมายดังกล่าวเช่น 4 ปี โดยมีสูตรคำนวณปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นในแต่ละปีที่ชัดเจนตามผลรวมของอัตราการเพิ่มขึ้นของผลิตภาพแรงงาน อัตราเงินเฟ้อ และอัตราการปรับเพิ่มเฉลี่ยในแต่ละปีเพื่อให้ค่าจ้างขั้นต่ำเข้าสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งต้องพิจารณาถึงความแตกต่างในแต่ละพื้นที่และอุตสาหกรรมด้วย
พรรคการเมือง 2 พรรคที่เสนอนโยบายชัดเจนเกี่ยวกับเอสเอ็มอี และเน้น 4 เรื่องหลัก คือ การให้เงินทุน, การยกเว้นและลดภาษีเงินได้,การเพิ่มช่องทางการขายสินค้าและบริการ และการแก้กฎหมายเพื่อช่วยปลดล็อคการประกอบธุรกิจ แต่ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนที่จะช่วยเพิ่มผลิตภาพที่สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ซึ่งเห็นว่านโยบายช่วยเหลือ SMEs ที่พรรคการเมืองและรัฐบาลใหม่ควรพิจารณา ควรมุ่งช่วยเหลือให้เอสเอ็มอีสามารถเพิ่มผลิตภาพในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการผลิต การบริหารคลังสินค้า การใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีสมัยใหม่ การทำบัญชี การตลาดและการส่งออก เป็นต้น.